โค้ดวิทยุสื่อสารมีไว้ทำไม? เจาะลึกรหัสและสัญญาณสื่อสารที่มืออาชีพต้องรู้
การใช้ วิทยุรับ-ส่ง หรือที่เรารู้จักกันดีว่า วิทยุสื่อสาร นั้นไม่ใช่แค่การพูดคุยผ่านเครื่องมือแบบปกติ เพราะการใช้งานที่มีประสิทธิภาพจริง ๆ จำเป็นต้องอาศัยระบบการสื่อสารที่ชัดเจน กระชับ และเข้าใจกันทั้งสองฝั่งของผู้ใช้งาน นั่นคือที่มาของ “โค้ดวิทยุสื่อสาร”
โค้ดวิทยุสื่อสาร ไม่ได้มีไว้เพื่อความเท่ หรือใช้ในภาพยนตร์เท่านั้น แต่เป็นระบบรหัสที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดการสื่อสารที่รวดเร็ว ลดความสับสน โดยเฉพาะในสถานการณ์เร่งด่วน เช่น งานกู้ภัย งานรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจร หรืองานราชการต่าง ๆ
บทความนี้จะพาคุณไปเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า
- โค้ดวิทยุสื่อสารมีไว้ทำไม?
- มีแบบไหนบ้าง?
- ใช้โค้ดช่วยให้ทำงานง่ายขึ้นอย่างไร?
- ตัวอย่างโค้ดยอดนิยมที่ควรรู้
- วิธีฝึกใช้โค้ดอย่างมืออาชีพ
โค้ดวิทยุสื่อสารคืออะไร?
โค้ดวิทยุสื่อสาร หรือ Radio Code คือ “รหัสย่อ” หรือ “วลีมาตรฐาน” ที่ใช้แทนคำพูดหรือประโยคทั่วไปในการสื่อสารผ่านวิทยุ เช่น แทนที่จะพูดยาวว่า “ฉันถึงจุดหมายแล้ว” ก็พูดสั้น ๆ ว่า 10-23 หรือแทนคำว่า “เข้าใจแล้ว” ด้วยคำว่า Roger
การใช้โค้ดเหล่านี้จะช่วยให้การสื่อสารผ่าน วิทยุรับ-ส่ง มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีเสียงรบกวน เสียงไม่ชัด หรือมีเหตุการณ์เร่งด่วนที่ต้องสื่อสารให้เข้าใจในทันที
ทำไมถึงต้องใช้โค้ดวิทยุสื่อสาร?
🔹 1. เพื่อความรวดเร็วในการสื่อสาร
โค้ดช่วยลดเวลาในการพูด เช่น จากประโยคยาว ๆ เหลือเพียงตัวเลขสั้น ๆ เช่น “10-4”
🔹 2. ลดความสับสน
ในบางสถานการณ์ อาจมีเสียงดัง เสียงแทรก หรือความเครียด โค้ดจึงช่วยให้เข้าใจตรงกันแม้จะพูดไม่ครบประโยค
🔹 3. เพิ่มความปลอดภัย
ในการสื่อสารบางประเภท เช่น งานรักษาความปลอดภัยหรือภารกิจลับ การใช้โค้ดทำให้บุคคลทั่วไปไม่เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
🔹 4. เป็นมาตรฐานกลาง
เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานสามารถเข้าใจตรงกันได้ แม้ไม่รู้จักกันมาก่อน เพราะใช้รหัสเดียวกัน
🔹 5. ใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉิน
เวลามีเหตุฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้ อุบัติเหตุ หรือผู้บุกรุก การใช้โค้ดช่วยให้แจ้งเตือนได้ทันทีโดยไม่ต้องอธิบายมาก
ประเภทของโค้ดวิทยุสื่อสาร
1. 10-Codes (Ten Codes)
ระบบรหัสที่ใช้กันในตำรวจ สื่อสารราชการ และหน่วยงานฉุกเฉิน เช่น:
โค้ด | ความหมาย |
---|---|
10-1 | สัญญาณไม่ชัด |
10-4 | เข้าใจแล้ว (Roger) |
10-7 | ออฟไลน์ / หยุดปฏิบัติงาน |
10-9 | ขอทวนอีกครั้ง |
10-20 | ตำแหน่งของคุณอยู่ที่ไหน? |
10-33 | เหตุฉุกเฉิน / ขอความช่วยเหลือ |
2. Signal Codes
ใช้ในบางหน่วยงาน เช่น รปภ., ตำรวจ หรือโรงงาน
โค้ด | ความหมาย |
---|---|
Signal 1 | บุคคลสำคัญเข้าใกล้พื้นที่ |
Signal 3 | เหตุการณ์ผิดปกติ (ต้องเฝ้าระวัง) |
Signal 5 | ต้องการกำลังเสริม |
3. รหัส NATO Phonetic Alphabet
เพื่อสะกดคำให้เข้าใจแม้เสียงรบกวน เช่น:
ตัวอักษร | โค้ด NATO |
---|---|
A | Alpha |
B | Bravo |
C | Charlie |
D | Delta |
… | … |
Z | Zulu |
เช่น สะกดคำว่า CAT = Charlie – Alpha – Tango
4. รหัสภายในองค์กร
บางองค์กรอาจสร้างโค้ดเฉพาะใช้เอง เช่น:
- รหัส 101 = ลูกค้า VIP
- รหัสแดง = เหตุไฟไหม้
- รหัส 999 = แจ้งเหตุฉุกเฉิน
โค้ดยอดนิยมที่ควรรู้สำหรับผู้ใช้วิทยุรับ-ส่ง
โค้ด | ความหมาย |
---|---|
10-4 | รับทราบ / เข้าใจแล้ว |
10-20 | อยู่ที่ไหน |
10-7 | ปิดเครื่อง / ออกจากหน้าที่ |
10-9 | พูดอีกครั้ง |
10-33 | เหตุฉุกเฉิน |
Code Red | เหตุเพลิงไหม้ |
Code Green | สถานการณ์ปลอดภัย |
Roger | ได้รับข้อความแล้ว |
Wilco | จะดำเนินการตามนั้น |
Over | จบการส่ง (รอการตอบกลับ) |
Out | จบการสนทนา |
วิธีฝึกใช้โค้ดวิทยุสื่อสารอย่างมืออาชีพ
- เริ่มจากโค้ดพื้นฐานที่ใช้บ่อยที่สุด
- ฝึกกับทีมงานเป็นประจำ โดยจำลองสถานการณ์
- ใช้ร่วมกับสคริปต์พูดที่ชัดเจน
- ทวนซ้ำหลังจากได้ยิน เพื่อความเข้าใจตรงกัน
- หมั่นฟังเสียงตนเองผ่านการบันทึกเสียง เพื่อปรับปรุงการออกเสียง
ข้อควรระวังในการใช้โค้ดวิทยุสื่อสาร
- อย่าใช้โค้ดมั่วหรือเปลี่ยนความหมายเองโดยไม่ได้รับการตกลงกับทีม
- หากใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ ควรมี คู่มือโค้ดประจำองค์กร
- ไม่ควรใช้โค้ดในสถานการณ์ที่ควรพูดชัดเจน เช่น สื่อสารกับบุคคลภายนอก
- หลีกเลี่ยงการใช้โค้ดในเชิงเล่นตลก เพราะอาจก่อให้เกิดความสับสน
ตัวอย่างการสนทนาแบบใช้โค้ด (สถานการณ์จริง)
เจ้าหน้าที่ 1:
“ฐานเรียก 1, รับทราบหรือไม่? Over”
เจ้าหน้าที่ 2:
“1 รับทราบ 10-4, กำลังมุ่งหน้าไปยัง 10-20 จุดจอดรถชั้น 3, Over”
เจ้าหน้าที่ 1:
“Roger, ตรวจสอบ Signal 3 ด้วย, Out”
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: โค้ดเหล่านี้ใช้ได้กับวิทยุทุกประเภทไหม?
✅ ใช้ได้กับทุกยี่ห้อและความถี่ เพราะเป็นเรื่องของการพูด ไม่ใช่ระบบเครื่อง
Q2: จำเป็นไหมต้องใช้โค้ด?
✅ จำเป็นมากในงานมืออาชีพ เช่น รปภ., กู้ภัย, ตำรวจ, โรงงาน เพราะช่วยให้สื่อสารรวดเร็วและปลอดภัย
Q3: โค้ดแต่ละหน่วยงานเหมือนกันหมดหรือไม่?
❌ ไม่จำเป็น บางแห่งมีโค้ดเฉพาะขององค์กร ควรตรวจสอบให้ตรงกันก่อนใช้งาน
Q4: มีแอปหรือเครื่องมือช่วยจำโค้ดไหม?
✅ มีหลายแอปที่รวบรวมโค้ดไว้ เช่น Police Scanner Codes, Radio Code Guide รวมถึงคู่มือ PDF ดาวน์โหลดได้
Q5: โค้ดแบบไหนที่เหมาะกับวิทยุ CB245?
✅ ใช้โค้ดพื้นฐาน เช่น 10-Codes, NATO Alphabet ได้เหมือนกับวิทยุอื่นๆ โดยเฉพาะในการสื่อสารแบบทีม
สรุป
โค้ดวิทยุสื่อสาร ไม่ใช่แค่ภาษาพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การสื่อสารผ่านวิทยุรับ-ส่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เวลามีค่า หรือคำพูดที่ผิดเพียงนิดเดียวอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดที่ร้ายแรง
หากคุณใช้งานวิทยุสื่อสารในองค์กร รปภ. โรงงาน หรือภาคสนาม การเรียนรู้และใช้โค้ดให้ถูกต้องจะยกระดับความเป็นมืออาชีพในทุกภารกิจ

081-635-1458
@worldwireradio
Worldwireradio