นักบินใช้วิทยุสื่อสารแบบไหน? เจาะลึกระบบการสื่อสารทางอากาศที่คุณควรรู้
บทนำ
เมื่อพูดถึง นักบิน ไม่ว่าจะเป็นในสายการบินพาณิชย์ การบินพลเรือน การบินส่วนตัว หรือแม้แต่นักบินโดรน สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การสื่อสารทางวิทยุ เพื่อควบคุมความปลอดภัยในการบิน
แม้จะมีเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่ “วิทยุสื่อสาร” ยังคงเป็นแกนหลักของการติดต่อระหว่าง นักบินกับหอบังคับการบิน (ATC) รวมถึงการติดต่อระหว่างอากาศยานด้วยกันในบางกรณี
ในบทความนี้ คุณจะได้รู้ว่า
- นักบินใช้วิทยุสื่อสารแบบไหน?
- ความถี่ใดที่ใช้ในการบิน?
- ต่างจากวิทยุสื่อสารทั่วไปอย่างไร?
- จะเริ่มต้นศึกษาหรือใช้งานได้อย่างไร?
วิทยุสื่อสารสำหรับนักบิน คืออะไร?
วิทยุสื่อสารสำหรับนักบิน หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า Aircraft Radio หรือ Airband Radio คือวิทยุที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางอากาศ โดยเฉพาะกับ ศูนย์ควบคุมการบิน (Air Traffic Control – ATC) และอากาศยานอื่น ๆ
โดยทั่วไปจะใช้ ระบบ AM (Amplitude Modulation) ซึ่งแตกต่างจากวิทยุสื่อสารภาคพื้นดินที่ใช้ FM
ย่านความถี่ที่นักบินใช้งาน
🔹 VHF Airband
- ย่านความถี่: 118.000 MHz – 136.975 MHz
- แบ่งเป็นช่องความถี่ห่างกัน 25 kHz หรือ 8.33 kHz (ยุโรป)
ช่องความถี่ที่ใช้ จะแตกต่างกันตามฟังก์ชัน เช่น:
ความถี่ (โดยประมาณ) | ใช้งานสำหรับ |
---|---|
121.5 MHz | ความถี่ฉุกเฉินสากล (Guard Frequency) |
122.8 MHz | สื่อสารระหว่างเครื่องบิน (Air-to-Air) |
118–122 MHz | หอบังคับการบินในสนามบิน |
123–136 MHz | พื้นที่ควบคุมการบิน / ATIS / ข้อมูลจราจร |
รูปแบบการใช้งานวิทยุของนักบิน
1. ติดต่อกับหอบังคับการบิน (ATC)
เช่น Clearance Delivery, Ground Control, Tower, Departure, Enroute, Approach
2. ติดต่อระหว่างนักบิน (Air-to-Air Communication)
ใช้ในพื้นที่ไม่มีหอบังคับการบิน เช่น สนามบินเล็ก หรือพื้นที่ห่างไกล
3. รับข้อมูลจาก ATIS (Automatic Terminal Information Service)
เป็นเสียงอัตโนมัติที่แจ้งสภาพอากาศและข้อมูลสนามบิน
4. สื่อสารในภาวะฉุกเฉิน (121.5 MHz)
เครื่องบินทุกลำต้องสามารถรับ/ส่งบนความถี่นี้ได้ตลอดเวลา
ประเภทของวิทยุที่นักบินใช้
🔸 1. Fixed Aircraft Radio (ติดตั้งบนเครื่องบิน)
- ติดตั้งถาวรภายในแผงควบคุม
- มีความแม่นยำสูง และใช้งานร่วมกับระบบนำทาง (Nav/Com)
🔸 2. Handheld Aviation Radio (แบบพกพา)
- ใช้สำรองหรือในกรณีฉุกเฉิน
- บางรุ่นมี NAV Receiver หรือ GPS ในตัว
ข้อดีของการใช้วิทยุสื่อสารเฉพาะทางสำหรับนักบิน
✅ ความแม่นยำของคลื่นสูงมาก – ลดสัญญาณรบกวน
✅ ใช้ย่านความถี่เฉพาะทางที่ได้รับอนุญาตจาก ICAO
✅ ออกแบบมาให้ใช้งานในที่สูง ความเร็วสูง
✅ บางรุ่นรองรับ NAV (VOR/ILS) และ GPS ในตัว
✅ แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน พร้อมโหมด Standby
✅ ระบบเสียงคุณภาพสูง แม้อยู่ในห้องนักบินเสียงดัง
ความแตกต่างระหว่าง Airband Radio กับวิทยุรับ-ส่งทั่วไป
หัวข้อ | Airband Radio (นักบิน) | วิทยุรับ-ส่งทั่วไป |
---|---|---|
ความถี่ | 118–137 MHz (AM) | 245 MHz (FM), CB245 |
โมดูเลชัน | AM | FM |
การใช้งาน | เฉพาะการบิน | ทั่วไป |
การควบคุม | ATC เคร่งครัด | อิสระมากกว่า |
ใบอนุญาต | ต้องมีใบอนุญาตผู้ขับ | บางประเภทไม่ต้องขอ |
ระยะส่ง | 5–200 กม. ขึ้นกับระดับความสูง | 1–5 กม. |
การใช้งานวิทยุสื่อสารสำหรับนักบินในประเทศไทย
✅ ต้องมีใบอนุญาตจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT)
- ผู้ขับเครื่องบินต้องสอบผ่าน และมี Call Sign
- วิทยุที่ใช้ต้องได้รับการรับรอง
- ห้ามใช้คลื่นอื่นนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด
✅ เครื่องบินทุกลำต้องติดตั้งวิทยุสื่อสารอย่างน้อย 1 เครื่อง
- เพื่อความปลอดภัยในการบิน
- เพื่อสามารถรับคำสั่งจาก ATC ได้ตลอดเวลา
วิทยุพกพาสำหรับนักบิน: เลือกแบบไหนดี?
หากคุณเป็นนักบินฝึกหัด, นักบินส่วนตัว (PPL) หรือเจ้าหน้าที่ภาคสนาม
การมี วิทยุสื่อสารแบบพกพา จะช่วยให้คุณ:
- ฝึกฟังวิทยุ (ATC Listening)
- ใช้งานในสนามบินเล็กที่ไม่มีหอบังคับการบิน
- ใช้สื่อสารในภาวะฉุกเฉินหากระบบหลักล่ม
รุ่นแนะนำ:
รุ่น | ฟีเจอร์ |
---|---|
ICOM IC-A16 | หน้าจอ LCD, แบตเตอรี่นาน, ทนทาน |
Yaesu FTA-550 | มี NAV, GPS, รับคลื่น VOR/ILS ได้ |
ICOM IC-A25N | หน้าจอใหญ่, Bluetooth, GPS ในตัว |
ข้อควรรู้ก่อนซื้อวิทยุสำหรับนักบิน
🔸 ต้องตรวจสอบว่าเครื่องนั้นใช้ย่าน 118–137 MHz (AM)
🔸 ควรเลือกเครื่องที่มี ฟังก์ชัน Dual Watch
🔸 ถ้าใช้งานจริงบนอากาศยาน ต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
🔸 ในกรณีฝึกฟังเฉย ๆ (ATC Listening) บางประเทศอนุญาตให้ใช้ได้โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: นักบินใช้ความถี่เดียวกับวิทยุ CB245 ไหม?
ไม่ครับ CB245 ใช้สำหรับพลเรือนทั่วไป นักบินใช้เฉพาะ Airband VHF (118–137 MHz)
Q2: จำเป็นต้องมีวิทยุแบบพกพาหรือไม่?
ไม่จำเป็น สำหรับสายการบินพาณิชย์ (เพราะมีวิทยุในเครื่อง) แต่ จำเป็นมาก สำหรับนักบิน PPL หรือในกรณีเครื่องหลักขัดข้อง
Q3: Airband Radio ซื้อมาใช้เล่นได้ไหม?
ในไทยต้องได้รับอนุญาตก่อน หากแค่ฟัง ATC บางรุ่นใช้ได้ (ห้ามส่งคลื่น) ต้องตรวจสอบข้อกฎหมาย
Q4: วิทยุนักบินใช้ได้ไกลแค่ไหน?
ขึ้นกับระดับความสูง – ที่ความสูง 10,000 ฟุต ระยะครอบคลุมอาจไกลถึง 150–200 กม.
Q5: มือใหม่อยากเป็นนักบิน ควรเริ่มจากอะไร?
เริ่มเรียนรู้ศัพท์การบิน, ลองฟัง ATC ผ่าน Airband Receiver และศึกษากฎการสื่อสารทางอากาศ
สรุป
วิทยุสื่อสารของนักบิน คือหัวใจของการบินที่ปลอดภัย ถูกออกแบบเฉพาะเพื่อรองรับสภาพการใช้งานในระดับความสูง ความเร็ว และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากภาคพื้นดินอย่างสิ้นเชิง
การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ได้รับการรับรอง และอยู่ในความถี่ที่ถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญที่นักบินทุกคนต้องเข้าใจ
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักบินมือใหม่ นักเรียนการบิน หรือผู้ที่สนใจในโลกการบิน การรู้จัก Airband Radio และการใช้งานที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณพร้อมก้าวสู่ท้องฟ้าได้อย่างมั่นใจ
เคยสงสัยไหมว่า นักบินใช้วิทยุสื่อสารแบบไหน?
วิทยุสื่อสาร Air Band เป็นวิทยุสื่อสารที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรับฟังการสื่อสารในย่านความถี่การบิน
วิทยุ Air Band ทำงานในย่านความถี่ VHF ตั้งแต่ 108-137 MHz โดยแบ่งเป็นสองช่วงหลักคือ 108-118 MHz สำหรับระบบนำร่องการบิน (Navigation) และ 118-137 MHz สำหรับการสื่อสารเสียง (Voice Communication) ระหว่างอากาศยานและสถานีภาคพื้นดิน วิทยุประเภทนี้ใช้การมอดูเลตแบบ AM (Amplitude Modulation) ซึ่งแตกต่างจากวิทยุสื่อสารทั่วไปที่มักใช้ FM
คุณสมบัติพิเศษของวิทยุ Air Band คือการมีความไวในการรับสัญญาณสูง (High Sensitivity) และความสามารถในการคัดกรองสัญญาณรบกวน (Selectivity) ที่ดีเยี่ยม เนื่องจากต้องรับสัญญาณจากอากาศยานที่อยู่ในระยะไกลและที่ความสูงมาก นอกจากนี้ยังต้องมีความเสถียรของความถี่ (Frequency Stability) สูงเพื่อให้การรับฟังมีความต่อเนื่องและชัดเจน
การใช้งานวิทยุ Air Band มีทั้งแบบมือถือและแบบตั้งโต๊ะ โดยรุ่นมือถือมักมีแบตเตอรี่ในตัวและสายอากาศยาง ส่วนรุ่นตั้งโต๊ะจะต้องต่อกับแหล่งจ่ายไฟภายนอกและสายอากาศภายนอกเพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า ตัวเครื่องมักมีหน้าจอแสดงความถี่แบบดิจิทัลและปุ่มควบคุมที่ใช้งานง่าย
ระบบการจัดเก็บความถี่ (Memory Channels) เป็นคุณสมบัติสำคัญของวิทยุ Air Band สมัยใหม่ ผู้ใช้สามารถบันทึกความถี่ที่ใช้บ่อย เช่น ความถี่ของสนามบินใกล้เคียง หอบังคับการบิน หรือเส้นทางการบินที่สนใจ เพื่อเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
การสแกนความถี่ (Frequency Scanning) เป็นอีกฟังก์ชันที่มีประโยชน์ โดยเครื่องจะสแกนผ่านความถี่ที่บันทึกไว้หรือช่วงความถี่ที่กำหนด และจะหยุดเมื่อพบการสื่อสาร ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามการสื่อสารในหลายความถี่ได้พร้อมกัน
ในด้านสายอากาศ วิทยุ Air Band ต้องการสายอากาศที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับย่านความถี่การบิน สายอากาศภายนอกควรติดตั้งในที่สูงและโล่ง ห่างจากสิ่งกีดขวางที่เป็นโลหะ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการรับสัญญาณที่ดีที่สุด
การบำรุงรักษาวิทยุ Air Band ไม่ยุ่งยากมากนัก แต่ต้องระวังเรื่องความชื้นและฝุ่นที่อาจเข้าไปในตัวเครื่อง ควรเก็บในที่แห้งและสะอาด หากเป็นรุ่นมือถือควรชาร์จแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงการชาร์จจนเต็มทิ้งไว้เป็นเวลานาน
ข้อจำกัดของวิทยุ Air Band คือเป็นเครื่องรับสัญญาณเท่านั้น ไม่สามารถส่งสัญญาณได้ เนื่องจากการส่งสัญญาณในย่านความถี่การบินต้องได้รับอนุญาตพิเศษและสงวนไว้สำหรับการสื่อสารทางการบินเท่านั้น นอกจากนี้ระยะการรับสัญญาณจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความสูงของอากาศยาน กำลังส่งของสถานี และสภาพภูมิประเทศ
การใช้งานวิทยุ Air Band เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้สนใจการบิน นักบินส่วนบุคคล และผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน เพราะช่วยให้สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเที่ยวบินและเข้าใจระบบการสื่อสารการบินได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรศึกษาข้อกำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ เนื่องจากบางประเทศอาจมีข้อจำกัดในการครอบครองหรือใช้งานวิทยุประเภทนี้
: บทความนี้กล่างถึง นักบินใช้วิทยุสื่อสารแบบไหน?

081-635-1458
@worldwireradio
Worldwireradio